Header Ads

Seo Services

ลิเวอร์พูลออกไปพ่ายสวอนซี Match Report:


รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: คาริอุส, โกเมซ, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ชาน ©, ไวจ์นัลดุม, ซาลาห์, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, มิลเนอร์, คลาวาน, ลัลลานา, อิงส์, โซลันเค่ และอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนแปลงทีมเพียงแค่ 1 ตำแหน่งจากเกมที่แล้ว โดยส่งฟาน ไดจ์ค ลงมาเป็นตัวจริงแทนลอฟเรน

“ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับนักเตะเพียงหนึ่งคน ผมคิดถึงการโชว์ฟอร์มของทีม” – คล็อปป์

“สำคัญมากๆ ที่เราต้องแสดงทัศนคติที่สมบูรณ์แบบในคืนนี้ ชีวิตอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ เกมล่าสุดของเราคือการเล่นกับทีมหัวตาราง และตอนนี้ก็ต้องเล่นกับทีมท้ายตาราง

“เรามีการซ้อมที่ดีมากๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และสนามก็ดูค่อนข้างโอเคมากๆ หลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไปในคืนนี้ มันเป็นเรื่องของการแสดงทัศนคติที่ถูกต้อง และผมคาดหวังทัศนคติที่ถูกต้องจากเวอร์จิลเช่นเดียวกัน

“หากเราแสดงออกมาได้ เราก็จะเป็นทีมที่จะยากในการจะเล่นด้วย และหากเราเล่นได้แตกต่างออกไป เราก็สามารถชนะเกมนี้”

จังหวะสำคัญในเกม

- นาที 40 มอว์สันยิงให้สวอนซี นำ 1-0



เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลยังคงต้องการเดินหน้าทำสถิติ หลังไม่แพ้ใครมา 18 นัด แต่การเยือนทีมท้ายตารางในวันนี้ก็มีความยากไม่แพ้การรับมือกับทีมแมนฯ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน

ทีมเจ้าบ้านตั้งรับอย่างเป็นระบบ และเหนียวแน่น ทำให้เป็นงานยากสำหรับลิเวอร์พูลในการเจาะ บอลยาวของชานในนาที 9 ให้มาเน่หลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนจะจับบอลลง แต่ไกลตัวไปเพียงนิดเดียว ทำให้ฟาเบียนสกีฉวยบอลจากเท้าไว้ได้ทัน และในนาที 14 มาเน่ชิ่งกับโรเบิร์ตสัน ก่อนที่จะเปิดเรียดมาหน้าประตู น่าเสียดายที่กรรมการเป่าให้เป็นจังหวะแฮนด์บอลของเฟอร์มิโน่ก่อน

จากนั้นในนาทีต่อมา ลิเวอร์พูลรอดพ้นจากการเสียประตู หลังจากสวอนซียิงเข้าเสาไกล แต่กรรมการให้เป็นลูกออกเส้นหลังไปก่อนแล้ว

ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกในนาที 22 อ็อกซ์เล็ด-แชมเบอร์เลน เปิดฟรีคิกเข้าไปก่อนถกสกัดออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุมต่อ ฟานไดจ์ขึ้นโหม่งเช็ด แต่บอลหลุดเสาไกลออกไปเพียงนิดเดียว

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถเรียกจังหวะการทำเกมรุกต่อเนื่องกลับมาได้ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะทำได้ใกล้เคียงอีกครั้งเมื่อฟาน ไดจ์ค วางบอลยาวทะลุแนวรับ ก่อนซาลาห์จะวอลเลย์ข้ามคาน รวมทั้งจังหวะที่มาติปทะลุเข้าไปในกรอบ แต่ลูกติดตัว ก่อนที่อ็อกซ์จะได้จบ แต่ถูกเซฟไว้ได้ ส่วนสวอนซีได้ฟรีคิกหลังฟาน ไดจ์ค ทำฟาวล์ แต่ฟาน ไดจ์ โหม่งสกัดไว้ได้ ในนาที 36 และลูกซ้ำก็ไม่เข้ากรอบ และในนาที 39 ฟาน ไดจ์ค สกัดบอลออกหลังไป ทำให้สวอนซีได้เตะมุม ก่อนที่ฟาน ไดจ์ค จะสกัดผิดเหลี่ยม บอลหลุดออกหลัง เสียเตะมุมอีกครั้ง ก่อนที่มอว์สันจะยิงเสียบเสาเข้าไปในนาที 40

โรเบิร์ตสันได้รับใบเหลือง ในนาที 43 และมาติปในนาที 45 หลังจากเข้าเบรกเกม ก่อนกรรมการจะทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 1 นาที

ลิเวอร์พูลเกือบทำประตูตีเสมอได้จากการทำเกมของซาลาห์ที่ส่งให้มาเน่ แต่บอลแรงไปนิดเดียว ทำให้มาเน่ที่พยายามยิงแต่ไม่ตรงกรอบ ก่อนที่กรรมการจะเป่าหมดครึ่งแรก



เกมในครึ่งหลัง

คล็อปป์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงทีมจากครึ่งแรก และในนาที 48 เฟอร์มิโน่ได้บอลในกรอบ แต่ถูกประกบติดเกินกว่าจะทำอะไรได้

ลิเวอร์พูลบุกหนัก และมีโอกาสหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้โอกาสที่จะแจ้ง รวมทั้งในนาที 54 ที่เฟอร์มิโน่ได้บอลจ่าทะลุช่องจากซาลาห์ แต่ถูกสกัดไว้ได้อย่างหวุดหวิด รวมทั้งจังหวะซัดแฉลบข้ามคานของซาลาห์ในนาที 58

ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกในนาที 60 หลังจากมาเน่ได้บอลลากลุยขึ้นหน้า และถูกสกัดตัดเกม และซาลาห์ปั่นโค้ง ก่อนที่ฟาเบียนสกีจะปัดข้ามคานไปได้อย่างหวุดหวิด

ซาลาห์ และมาเน่ ยังประสานงานกันได้ดี เพียงแต่ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้ หลังจากมาเน่ล้มในเขตโทษ แต่กรรมการไม่ได้ว่าอะไรในนาที 66 จากนั้นคล็อปป์ส่วลัลลานาลงมาแทนอ็อกซ์ในนาที 68 และส่งอิงส์ลงมาแทนไวจ์นัลดุมในนาที 73

สัมผัสแรกของอิงส์หลังจากลงสนาม ในนาที 78 ก่อนจะซัดด้วยซ้าย แต่เบาเกินไป ฟาเบียนสกีรับไว้ได้ ก่อนโกเมซจะยิงไม่ตรงกรอบในนาที 81 และจังหวะวอลเลย์ของฟาน ไดจ์ค ในนาที 82 ก็บังคับทิศทางไม่ได้

กรรมการทดเวลายาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที

ลิเวอร์พูลได้บุกต่อเนื่องก่อนหมดเวลา และจวนเจียนได้ประตูหลายครั้ง ทั้งจากชานที่ได้โอกาสวอลเลย์ในนาที 90+1 แต่ยังยิงไม่เข้ากรอบ ส่วนซาลาห์ยิงไม่เข้ากรอบเช่นกันในนาที 90+2 และลิเวอร์พูลมาพลาดโอกาสอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อฟาน ไดจ์ค หยอดให้เฟอร์มิโน่โหม่งไปชนเสา ก่อนที่ลัลลานาเข้าซ้ำข้ามคานในนาที 90+4 และเป็นจังหวะสุดท้ายในค่ำคืนนี้

cr.http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/report23118

ไม่มีความคิดเห็น